บทที่ 8 3.4 ผู้มีวาสนาเท่านั้นที่คู่ควร
จางอวิ๋นซีคิดอะไรสนุกๆ ได้ นางหยิบกำไลหยกที่ฮองเฮาทรงพระราชทานให้ขึ้นมาสวมใส่ รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปาก
ได้เวลาสั่งสอนคนแล้วสินะ
“ปกติพี่หญิงใหญ่นางมักจะไปที่ใดของจวน” จางอวิ๋นซีถามหรูหรง
“ปกตินางจะไปคอยต้อนรับนายท่านที่เรือนใหญ่เจ้าค่ะ คุณหนูมีอันใดหรือเจ้าคะ” หรูหรงถามด้วยความสนใจ
“ไปสั่งสอนคนกัน” จางอวิ๋นซียกยิ้มที่มุมปากอย่างมีแผนการ นางลุกขึ้นเดินไปที่เรือนใหญ่ ซึ่งตอนนี้เป็นเวลาเดียวกับที่จางเยี่ยนเดินทางกลับจากวังหลวงพอดี อะไรจะเหมาะเจาะขนาดนี้นะ
ทุกคนมารวมตัวต้อนรับการกลับเรือนของประมุขสกุลจาง จางเยี่ยนแม้จะทราบว่าบุตรสาวป่วยและพูดจาเลอะเลือนราวกับคนไร้สติ หลี่ฮูหยินแสดงท่าทีห่วงใยอย่างชัดเจน เพื่อหวังจะกลบเกลื่อนร่องรอยการกระทำของนางกับบุตรสาว
“ข้าเองก็ไปเยี่ยมนาง แต่นึกไม่ถึงว่านางจะไล่ข้ากับหรูเอ๋อร์ออกมาเจ้าค่ะท่านพี่” หลี่ฮูหยินแสร้งตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ
“ลูกคนนี้หนิ ปกติก็อ่อนแอจนเป็นนิสัย แต่คิดไม่ถึงว่าจะร้ายกาจกล่าววาจาไร้น้ำใจต่อเจ้าและพี่สาวได้ถึงขนาดนี้” จางเยี่ยนถอนหายใจด้วยความระอา
“ใครไล่ใครกันหรือเจ้าคะท่านพ่อ” จางอวิ๋นซีเดินเข้ามาขณะประคองไท่ฮูหยินจางและมารดา แววตาของนางเปลี่ยนไปจากเดิม ไม่ใช่จางอวิ๋นซีคนเดิมที่ใครจะมารังแกได้อีกต่อไป ต่อไปนี้ใครที่เคยทำ
ร้ายจางอวิ๋นซีและมารดาถึงคราวต้องชดใช้แล้ว
“นางมาแล้วเจ้าค่ะท่านพี่ ดูสิเจ้าคะ สายตานางราวกับจะสังหารพวกเราสองแม่ลูก” หลี่ฮูหยินไม่เคยหวาดกลัวสิ่งใดเท่าสายตาของจาง อวิ๋นซีมาก่อน นางกับจางเซียวหรูเดินมาหลบหลังของจางเยี่ยนพร้อมกับสีหน้าน่าสงสาร
“เจ้านี่นะ หายไปทั้งวันทั้งคืนให้ทุกคนวุ่นวาย พอแม่เล็กของเจ้าไปเยี่ยมเจ้ากลับพูดจาทำร้ายจิตใจนาง มารดาของเจ้าไม่อบรมสั่งสอนมาดีหรืออย่างไร!” จางเยี่ยนตวาดใส่บุตรสาวอย่างไม่พอใจ
จางฮูหยินกล่าว นางประสานมือขออภัยต่อสามีเพื่อบรรเทาโทษ
บุตรสาว แต่ทว่าจางอวิ๋นซีกลับดึงแขนของมารดาเบาๆ แล้วเดินเข้าไปยืนตรงหน้าจางเยี่ยนอย่างไม่เกรงกลัว
แววตาแข็งกร้าวของจางอวิ๋นซีทำให้จางเยี่ยนกับฮูหยินรองชะงักไปชั่วขณะหนึ่ง
“จะตบข้าหรือเจ้าคะ หรือจะให้ข้าคุกเข่าโขกศีรษะดีล่ะ” นางยิ้มท้าทาย แววตาและใบหน้าไร้ซึ่งความเกรงกลัว
“แม่ใหญ่ ท่านหัดสั่งสอนนางบ้างสิเจ้าคะ มิใช่ให้นางมาทำตนข่มบิดากับแม่รองเช่นนี้” จางเซียวหรูกล่าว ใบหน้าของนางสั่นเทาเล็กน้อยเนื่องจากแววตาของจางอวิ๋นซีนั้นเปลี่ยนไปมาก
จางอวิ๋นซีเดินเข้าไปหยุดตรงหน้าจางเซียวหรูผู้เป็นพี่สาว นางลูบข้อมือของตนเองเผยให้เห็นกำไลหยกพระราชทานจากฮองเฮาและปิ่นหยกพระราชทานจากไทเฮา นางจงใจเผยให้จางเซียวหรูเห็นของล้ำค่าสองสิ่งอย่างชัดเจน ซึ่งได้ผลอีกฝ่ายมองนางด้วยสายตาริษยา
“ท่านแม่สอนข้ามาดีเจ้าค่ะ แต่ก็สงสัยเช่นกัน แม่รองสอนพี่หญิงใหญ่มาดี แต่เหตุใดถึงได้ทำตนเยี่ยงนางร้ายตลาดล่างเช่นนี้!” จางอวิ๋นซีกล่าวพร้อมกับรอยยิ้มร้ายกาจ คนสมัยโบราณแบบนี้ไม่มีทางรู้จักคำว่าตลาดล่างหรอก
“เจ้า!” จางเซียวหรูกัดฟันกล่าว
จางเยี่ยนตวาดใส่บุตรสาวคนรอง “เจ้า เหตุใดมารดาเจ้าจึงสั่งสอนให้มีกิริยาต่ำเช่นนี้!”
จางฮูหยินปรามบุตรสาว “ซีเอ๋อร์ ขออภัยต่อท่านพ่อเจ้าเถิด”
“ไม่เจ้าค่ะท่านแม่ ข้าไม่ใช่คนเดิมที่จะยอมอ่อนให้คนพวกนี้ คนพวกนี้เคยทำร้ายเราเอาไว้อย่างไร เหตุใดข้าต้องอดทนอีก” จางอวิ๋นซีสะบัดมือออกจากมารดา
ส่วนจางเยี่ยนนั้นหากไม่เห็นว่านางคือคนโปรดของไทเฮาเขาคงตบสั่งสอนนางไปแล้ว เนื่องด้วยงานวันพระราชสมภพของไทเฮาพระนางทรงเชิญจางอวิ๋นซีอย่างตั้งใจ หากนางมีบาดแผลที่ใบหน้าไทเฮาอาจสืบทราบและเขาจะเดือดร้อนได้
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะ” จางอวิ๋นซีย่อกายคำนับก่อนจะเดินออกจากเรือนใหญ่ไปด้วยรอยยิ้มสะใจ รวมถึงไท่ฮูหยินและบ่าวรับใช้ที่ลอบยิ้มสะใจตามๆ กัน
จางเซียวหรูเดินตามจางอวิ๋นซีออกไปพร้อมกับสาวใช้คนสนิทของนาง นางไม่ยอมเด็ดขาดที่จะให้จางอวิ๋นซีมาข่มนางได้
“หยุดเดี๋ยวนี้นะ!” จางเซียวหรูตะโกนเสียงแหลมตามหลังจางอวิ๋นซี หลังจากที่พวกนางทั้งสองเดินออกมาห่างจากเรือนใหญ่พอสมควร จางอวิ๋นซีหยุดเดินพร้อมกับรอยยิ้มร้ายกาจหันไปเผชิญหน้ากับพี่สาวต่างมารดา
หรูหรงได้ทีรีบฟ้อง “นางชอบรังแกท่านบ่อยๆ เจ้าค่ะคุณหนู”
จางเซียวหรูเดินเข้ามา นางมองปิ่นพระราชทานจากไทเฮาด้วยความริษยา
“เจ้าได้ปิ่นนี้มาได้อย่างไร? ไทเฮาทรงพระราชทานให้เจ้ารึ?” จางเซียวหรูถามด้วยความริษยา
จางอวิ๋นซีตอบกลับอย่างนุ่มนวลพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนว่า “ผู้มีวาสนามักจะได้ของที่คู่ควร”
จางเซียวหรูยืนโกรธตัวสั่นเทิ้ม นางมองจางอวิ๋นซีที่เดินจากไปอย่างเจ็บใจ
